Haven't You Forgotten
Something?
Aenean vitae porta nisl, nec feugiat neque. Maecenas luctus magna eu elit dapibus, a porttitor lacus euismod.
[products limit="2" columns="2" on_sale="true"]
[products limit="2" columns="2" on_sale="true"]
อาหารเสริมผิว นับได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานในบ้านเรา เนื่องจากประเทศไทยนั้นมีอากาศที่ร้อนและแดดแรง จึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะหาซื้ออาหารเสริมเพื่อมาบำรุงผิวให้แข็งแรงขึ้น เนื่องจากผิวที่อ่อนแออาจทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพผิวได้ อย่างไรก็ตามค่ะ อาหารเสริมสำหรับบำรุงผิวนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายชนิดด้วยกันซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีความแตกต่างกันออกไปโดยเฉพาะวิธีการรับประทาน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Charmace ได้นำข้อควรรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับอาหารเสริมสำหรับผิวในแบบต่าง ๆ ว่ามีอะไรบ้างที่ผู้บริโภคควรรู้
ผิว เปรียบเหมือนปราการด่านแรกของเราเมื่อมีคนมองมา การที่เรามีผิวพรรณที่เนียนใส และดูสุขภาพดี จึงเป็นไม้ตายในการพิชิตหนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ ที่เข้ามาหาได้ ผิวน่าสัมผัสและชวนหลงใหลไม่ได้มาได้ง่าย ๆ แต่ต้องผ่านการดูแล และเอาใจใส่ผิวเป็นอย่างดีทั้งภายในและภายนอก และที่สำคัญสารอาหารที่เลือกเพื่อบำรุงผิว ควรจะเลือกที่มีประโยชน์กับผิวสูงสุด และตอบโจทย์การเป็นคนผิวสุขภาพดีได้ดีที่สุด ซึ่งอาหารเสริมสำหรับผิวคือหนึ่งในคำตอบที่หลาย ๆ คนจะเลือกค่ะ
อาหารเสริมสำหรับผิวสามารถแบ่งออกหลัก ๆ ได้ 4 ประเภทด้วยกันค่ะ ดังนี้
วิตามินซีหรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) พบได้ในผลไม้รสเปรี้ยวทุกชนิด มีมากที่สุดในผลมะขามป้อม โดยมะขามป้อม 100 กรัมมีวิตามินซีประมาณ 1,700 มิลลิกรัม รองลงมาคืออะเซโรลาเชอร์รี่ โดยอะเซโรลาเชอร์รี่ 100 กรัมจะให้วิตามินซีประมาณ 1,600 มิลลิกรัม และยังพบได้ในผักใบเขียว มันฝรั่ง มะเขือเทศ โดยวิตามินซีที่ดีที่สุดคือวิตามินซีที่มาจากผลไม้ เพราะจะมีสารซีตรัสไบโอฟลาโวนอยด์ (Citrus bioflavonoids) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งและช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินซีได้ดี
กลูต้าไธโอนมีหน้าที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในเลือด จึงส่งเสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่น ๆ เช่น วิตามินซี ทำให้วิตามินซีมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งวิตามินซีและสารต่อต้านอนุมูลอิสระนี้เองที่เป็นตัวหลักในการทำให้ผิวขาว เมื่อร่างกายมีกรดอะมิโนซิสเทอีนหรือกลูต้าไธโอน สารทั้ง 2 ตัวนี้จะจับกับโดปาควิโนนแล้วเปลี่ยนเป็นฟีโอเมลานินซึ่งมีสีอ่อนกว่าเมลานิน และลดการเกิดเม็ดสีผิวเข้ม
ซิงค์ เป็นแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ แต่ต้องการในปริมาณเพียงเล็กน้อย หากเราสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ ร่างกายของเรามักจะไม่ขาดแร่ธาตุสังกะสีนี้ แต่อาจมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้ร่างกายของเราได้รับซิงค์ไม่เพียงพอ เช่น ผู้ป่วยเป็นโรคลำไส้อักเสบ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่เป็นประจำก็อาจทำให้ร่างกายขาดซิงค์ได้ การใช้ชีวิตประจำวันบางอย่างก็อาจส่งผลให้ร่างกายขาดซิงค์ได้เช่นกัน แร่ธาตุซิงค์จำเป็นต่อการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนัง ผม เล็บ จึงมีส่วนช่วยในการสมานแผล รักษาแผลต่าง ๆ ให้หายเร็วมากยิ่งขึ้น สามารถช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบได้ดี ดังนั้น ปัญหาผิวที่ทำให้ผิวเกิดการอักเสบ เช่น ปัญหาสิว รอยแผลเป็นจากการเป็นสิว ก็สามารถสมานให้หายได้ดีขึ้นด้วยการมีแร่ธาตุซิงค์ที่เพียงพอในร่างกาย
เป็นที่รู้จักกันมานานสำหรับ “คอลลาเจน” ที่ขึ้นชื่อเรื่องบำรุงผิวสวย แต่ความจริงแล้วคอลลาเจนยังมีประโยชน์ต่อร่างกายในส่วนอื่น ๆ อีกมากนะคะ โดยคอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วร่างกาย โดย 70% พบที่ผิวหนัง คอลลาเจนทำหน้าที่ในการประสานเนื้อเยื่อของผิวหนังเข้าด้วยกัน โดยจะอยู่ในรูปของไฟเบอร์ นอกจากผิวหนังแล้ว คอลลาเจนยังเป็นส่วนประกอบของกระดูก ฟัน เส้นเอ็น กระดูกอ่อนอีกด้วย
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นอาหารเสริมสำหรับบำรุงผิวเหมือนกัน แต่ต้องบอกก่อนเลยค่ะว่าแต่ละชนิดมีวิธีการทานที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
สำหรับการทานวิตามินซีให้ผิวสวย เสริมสร้างคอลลาเจนให้แข็งแรง ผิวขาวใสเปล่งปลั่ง โดยทั่วไปต้องทานวิตามินซีในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวันขึ้นไป ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่าการป้องกันโรคหวัด และควรต้องเป็นวิตามินซีที่สกัดจากธรรมชาติ ซึ่งหากเป็นการรับวิตามินซีปริมาณสูง จะให้ดีควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวพรรณหรือชะลอวัยเพื่อรับคำแนะนำในการรับปริมาณวิตามินซีที่เหมาะกับร่างกายจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าค่ะ
ให้กินกลูต้าตามน้ำหนักตัว เพราะการกินกลูต้า ของแต่ละคนจะแตกต่างกันตามน้ำหนักตัว วิธีคิด 40 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เช่น หนัก 60 กิโลกรัม ควรได้รับกลูต้าไธโอนปริมาณไม่เกิน 2,400 มิลลิกรัม หรือประมาณ 2 เม็ดต่อวัน ทั้งนี้ควรทานตอนท้องว่างคือ ก่อนนอนและตื่นนอน เพราะช่วงนี้อาหารจะถูกย่อยสลายไปแล้ว ทำให้ร่างกายดูดซึมสารกลูต้า นำไปใช้เพื่อบำรุงผิวพรรณให้สดใส ได้เป็นอย่างดี แต่หากไม่สะดวกหรือลืมกินในช่วงนี้ให้กินก่อนอาหารอย่างน้อย 30 นาที แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ
ซิงค์ หรือธาตุสังกะสี นั้นเป็นธาตุที่จะส่งผลในระยะยาว ที่นิยมในการทานอาหารเสริม *ไม่แนะนำสำหรับซิงค์ ซิงค์ไม่แนะนำตอนท้องว่าง เพราะการทานซิงค์ในช่วงท้องว่างอาจเกิดอาการอื่น ๆ ตามมาอย่างเช่น คลื่นไส้ เวียนหัว อาเจียน และอีกอย่างที่ควรระวังเมื่อคิดจะทานซิงค์ ซิงค์นั้นสามารถลดประสิทธิภาพของยาบางชนิดได้ เช่นยา ปฏิชีวนะเพนิซิลลินมีน (ยาที่ใช้ในการรักษาโรคไขข้ออักเสบ) ยาขับปัสสาวะ และ ยาลดความดัน การทาน ซิงค์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควรทานหลังอาหารอย่างน้อย 1 – 2 ชั่วโมง และถ้าคิดจะทาน ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชก่อนจะดีที่สุด
ควรกินคอลลาเจนตอนเช้าหลังตื่นนอน เป็นช่วงที่ท้องว่าง จึงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้ดี ดังนั้น คอลลาเจนควรกินตอนไหนดีที่สุด ตอบเลยว่า ตอนเช้าหลังตื่นนอน เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด และควรกินคอลลาเจนปริมาณที่เหมาะสม ควรกินคอลลาเจนวันละ 5,000 – 7,000 มิลลิกรัม แต่ไม่เกิน 10,000 มิลลิกรัม แต่ถ้าสาว ๆ ที่อยากเร่งกู้สภาพผิวให้กลับมาดูเปล่งปลั่งสุขภาพดี ก็อาจจะเลือกกินวันละ 2 ครั้ง แบ่งเป็น ช่วงเช้า 5,000 มิลลิกรัม และช่วงก่อนนอนอีก 5,000 มิลลิกรัม เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เห็นผลรวดเร็วทันใจแน่นอนค่ะ
ท้ายที่สุด นอกจากอาหารผิวเหล่านี้ ยังมีสารอาหารอื่น ๆ สำคัญต่อร่างกาย อย่างโปรตีนหรือแร่ธาตุอีกหลายชนิดที่ได้จากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างหลากหลาย ทั้งนี้ ควรดูแลผิวพรรณเพิ่มเติมด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และทาครีมกันแดดก่อนออกไปสัมผัสแสงแดดเสมอ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลผิวหรือการรับประทานอาหารเสริม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการดูแลผิวด้วยวิธีที่เหมาะสมค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ศึกประชัน คอลลาเจนเม็ด vs คอลลาเจนผง ตัวไหนกินแล้วเป๊ะเว่อร์กว่ากัน !!