Haven't You Forgotten
Something?
Aenean vitae porta nisl, nec feugiat neque. Maecenas luctus magna eu elit dapibus, a porttitor lacus euismod.
[products limit="2" columns="2" on_sale="true"]
[products limit="2" columns="2" on_sale="true"]
“คอลลาเจนลดลง เพราะอายุเพิ่มขึ้น” แม้จะเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเผชิญได้ แต่ก็ใช่ว่าเราจะละเลยให้มันเกิดขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าคอลลาเจนนั้นมีภาพจำในการช่วยให้ผิวพรรณของเรานั้นดูเต่งตึงและดูอ่อนเยาว์อยู่ตลอด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนจะมองว่าการขาดคอลลาเจนก็แค่ส่งผลต่อเรื่องผิวพรรณเท่านั้น ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ใช่เลย อย่างไรก็ตาม ภาวะขาดคอลลาเจนของร่างกายนั้นส่งผลต่อเสียมากกว่าที่เราคิดและหากปล่อยไว้คงไม่ดีอย่างแน่นอน ฉะนั้น ผลเสียต่อร่างกายดังกล่าวจะมีอะไรและเราต้องแก้ไขการขาดคอลลาเจนอย่างไรบ้าง มาดูกันค่ะ
เป็นที่รู้กันดีว่า Collagen (คอลลาเจน) เป็นส่วนสำคัญของร่างกาย โดยร่างกายมนุษย์สามารถผลิต คอลลาเจน ได้เองตามธรรมชาติ มีส่วนช่วยทำให้ผิวตึงกระชับ แข็งแรง บำรุงกระดูกอ่อนและข้อต่อต่างๆ แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น เริ่มเกิดความหย่อนคล้อย ริ้วรอย และปวดข้อกระดูก นั่นหมายความว่า ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้ลดลง จริงหรือไม่? แล้วทำไมคอลลาเจนถึงสำคัญ? เมื่อขาดคอลลาเจนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น? มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันค่ะ
โดยปกติ ร่างกายคนเราสามารถผลิตคอลลาเจนได้เองตามธรรมชาติ และจะมีการสลายตัวเพื่อรักษาความสมดุล แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นความสามารถในการผลิตคอลลาเจนจะลดน้อยลง แต่อัตราการสลายตัวยังมีเท่าเดิม จึงทำให้คอลลาเจนค่อยๆ ลดลง และไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
จากการศึกษา พบว่า เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เซลล์ไฟโบรบลาสต์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างโปรตีนสองชนิด คือ คอลลาเจนและอิลาสติน จะทำงานน้อยลง ส่งผลให้การผลิตคอลลาเจนลดลงประมาณ 1-1.5% ต่อปี
เพราะ คอลลาเจน คือโปรตีนหลักที่พบได้ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันทุกชนิด มีหน้าที่ยึดเกาะเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เมื่อร่างกายขาดคอลลาเจน จะส่งผลต่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนี้
จากปัญหาที่ได้กล่าวมาทั้งหมด ทุกคนจะเห็นได้แล้วว่าการขาดคอลลาเจนนั้นส่งผลต่อร่างกายมากกว่าเรื่องผิวพรรณ ดังนั้น การรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจนอย่างถูกวิธีก็จะสามารถแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคได้อย่างตรงจุดมากขึ้น
เป็นสิ่งที่หลายคนรู้จักและมีการนำมาใช้เพื่อประโยชน์ด้านการดูแลผิวพรรณมาอย่างยาวนาน เนื่องจากคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของผิวหนังที่จะช่วยให้โครงสร้างผิวมีความยืดหยุ่น เรียบเนียน ทำให้ได้มีผลิตภัณฑ์คอลลาเจนทั้งทาภายนอก และกินบำรุงจากภายในออกมามากมายเพื่อที่จะใช้ในการทดแทนคอลลาเจนที่จะสูญเสียไปเรื่อย ๆ ดังนั้น อาหารเสริมคอลลาเจนจึงเป็นทางออกที่ง่ายและตอบโจทย์มากที่สุด
คอลลาเจน คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง โดยมีสัดส่วนสูงถึง 80 % ทำหน้าที่คล้ายกับกาวและเป็นโครงสร้างของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ เอ็น และข้อ โดยคอลลาเจนจะอยู่ที่ผิวหนังชั้นล่าง (ชั้นหนังแท้ หรือ dermis) ฉะนั้นการทาครีมทั่วไปจะไม่มีผลโดยตรงถึงคอลลาเจนในผิวหนัง โดยในร่างกายคนเรามีคอลลาเจนมากถึง 16 ชนิด โดยชนิดที่เราจะสามารถพบได้บ่อย คือ
เนื่องจากคอลลานั้นเป็นสารจำเป็นที่เป็นโปรตีนโครงสร้างหลักในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันหลายชนิดในสัตว์ คอลลาเจนเป็นองค์ประกอบหลักของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ฉะนั้นจึงเป็นโปรตีนที่พบมากที่สุดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมด้วย แต่สำหรับคอลลาเจนที่เป็นอาหารเสริมนั้นสามารถทำการสังเคราะห์ได้จากสัตว์ต่าง ๆ เช่น ปลา หมู วัว รวมทั้งคอลลาเจนนั้นเป็นอาหารเสริมที่มีหลายรูปแบบ ซึ่งบางแบรนด์อาจผลิตออกมาในรูปแบบเจลาติน และเพิ่มส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น วิตามิน เกลือแร่ สารต้านอนุมูลอิสระ หรือ กรดไฮยาลูรอนิคเข้าไปด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผลิตภัณฑ์มากขึ้นและตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
จากที่ทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับคอลลาเจนไปแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าคอลลาเจนทั้ง 2 แบบนี้ต่างกันยังไง แบบไหนดีกว่ากัน?
เป็นชนิดที่พกพาได้ง่าย ทานได้สะดวก เพราะเป็นแคปซูลที่ไม่มีกลิ่นหรือรสชาติ แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ดูดซึมได้ช้ากว่าแบบอื่น ๆ แต่สามารถรับประทานได้ง่าย ช่วยให้ผิวขาวใส อมชมพูขึ้น เผยผิวเนียนละเอียด น่าสัมผัส ขาวใสขึ้นได้ด้วย
สามารถรับประทานคู่กับน้ำดื่มได้เลย เมื่อคอลลาเจนเข้าไปสู่ร่างกายแล้ว จะช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้ร่างกาย ให้ผิวพรรณที่เหี่ยวย่น กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง สิ่งสำคัญอยู่ที่คอลลาเจนแบบผงชงดื่มนั้นดูดซึมเร็ว และเอาไปใช้งานได้อย่างเต็มที่ แต่คอลลาเจนแบบผงชงดื่มนั้นอาจจะติดปัญหาเรื่องรสชาติกับกลิ่นคาวอยู่บ้างในบางยี่ห้อค่ะ
การรับประทานคอลลาเจน สามารถรับประทานได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนที่ท้องว่าง แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่แนะนำให้ทานคอลลาเจน คือ ช่วงเวลาก่อนนอน เพราะช่วงเวลาที่นอนหลับ ร่างกายจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้ดีที่สุดค่ะ ทั้งนี้ต้องรับประทานให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมด้วย เพื่อให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี
5 ข้อที่ผู้บริโภคควรรู้ก่อนรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจน
5 ข้อเกี่ยวกับการทานอาหารเสริมคอลลาเจนที่ผู้บริโภคควรรู้มีดังนี้ค่ะ
โดยปกติแล้ว ร่างกายของเราจะต้องการคอลลาเจนเพียง 2,000 – 2,500 มิลลิกรัมต่อวันก็พอต่อการใช้งานแล้วค่ะ แต่หากต้องการกินมากกว่านั้นก็ไม่ควรเกิน 7,000 มิลลิกรัม โดยใน 1 วันเราต้องควบคุมอย่าให้กินคอลลาเจนเกิน 10,000 มิลลิกรัม เพราะปริมาณขนาดนี้เกินกว่าที่ร่างกายต้องการไปมาก สิ่งที่ตามมาคือคอลลาเจนจะตกค้างในร่างกาย และสามารถก่อโรคให้ร่างกายของเราได้ค่ะ
ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนการกินอาหารเสริมคอลลาเจน เนื่องจากอาจเป็นไปได้ว่าในอาหารเสริมนั้นมีส่วนที่ลดประสิทธิภาพของยาที่เรากินประจำหรือเมื่อกินคู่กับยาแล้วอาจเกิดปฏิกิริยาบางอย่างซึ่งไม่เป็นผลดีต่อร่างกายได้ โดยผู้ที่เป็นโรคไต โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคมะเร็ง โรคลิ่มเลือดอุดตัน รวมถึงคุณแม่ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินอาหารเสริมคอลลาเจนค่ะ
คนที่มีอาการแพ้อาหารทะเลควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารเสริมคอลลาเจนค่ะ เพราะในอาหารเสริมคอลลาเจนส่วนมากนั้นมักจะสกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งอาจส่งผลต่อคนที่แพ้อาหารทะเลได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรงก็อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เลย
คอลลาเจนสามารถช่วยให้อาการปวดเข่าและข้อเข่าเสื่อมทุเลาลงได้ ตราบใดที่ผู้ป่วยยังคงได้รับการรักษาแผนปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมโดยการกินยา การทำกายภาพบำบัดและออกกำลังกาย ร่วมกับการกินคอลลาเจนเสริมด้วย สามารถช่วยให้อาการข้ออักเสบทุเลาลงเร็วกว่าการรักษาแบบเดี่ยว ๆ ค่ะ
การกินอาหารเสริมคอลลาเจนเพียงอย่างเดียวโดยที่เราไม่ได้ดูแลผิวในด้านอื่นเลย อาจไม่สามารถทำให้ผิวอ่อนเยาว์ได้ตามที่ตั้งใจค่ะ เนื่องจากมีอีกหลายปัจจัยที่จะช่วยบำรุงผิวหรือเร่งให้เกิดความเสียหายต่อผิวได้ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด การเผชิญกับฝุ่น ควันพิษ อาหาร การพักผ่อน ความเครียด หรือแม้แต่การสูบบุหรี่และการสูดดมควันจากผู้อื่น ดังนั้นต่อให้เราตัดสินใจที่จะกินอาหารเสริมคอลลาเจนเพื่อช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์แล้ว ก็ต้องดูแลผิวและบำรุงผิวในด้านอื่น ๆ ร่วมด้วยค่ะ
ทั้งนี้จากข้อมูลที่มีในปัจจุบัน ยังไม่สามารถระบุปริมาณของคอลลาเจนที่ควรรับประทานต่อวันและระยะเวลาว่าควรรับประทานนานแค่ไหนถึงจะเหมาะสม ปริมาณคอลลาเจนต่อวันและระยะเวลาแตกต่างกันตามแต่ละงานวิจัยและชนิดของคอลลาเจนที่รับประทาน ดังนั้นจึงควรต้องรอการศึกษาอื่น ๆ เพิ่มเติมในอนาคตค่ะ
อย่างไรก็ตาม นักโภชนาการได้แนะนำว่า การทานคอลลาเจนนั้น สามารถทานได้ทุกเวลาตามสะดวกตามต้องการ ไม่ว่าจะรับประทานควบคู่กับอาหาร หรือเครื่องดื่มที่ชอบก็ได้ เพราะว่าคอลลาเจนนั้นไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ถ้าหากอยากให้คอลลาเจนส่งผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือรับประทานตอนที่ท้องยังว่าง เพราะช่วงเวลาที่ท้องว่างนั้น ระบบการทำงานของร่างกายจะสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สิ่งที่สำคัญเลยถ้าหากว่าอยากให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจมากที่สุด คือควรรับประทานคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องทานในปริมาณที่เหมาะสมด้วยนะคะ เพื่อความปลอดภัยค่ะ
เราคือบริษัท รับผลิตอาหารเสริม และ สร้างแบรนด์อาหารเสริม เครื่องสำอาง เวชสำอาง ครีม คุณภาพทุกชนิด อย่างครบวงจร รวมถึงควบคุมการผลิตโดยแพทย์ เภสัชกร และ นักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมให้คำปรึกษาด้านธุรกิจการตลาด เราสรรสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล และเราพร้อมที่จะบริการให้คำปรึกษา ในด้านต่างๆ โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ ความสามารถ และ ประสบการณ์ในธุรกิจการผลิตเครื่องสำอาง และ อาหารเสริมอย่างมืออาชีพค่ะ นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยการการันตีต่าง ๆ เช่น
บริษัท ชาร์แมซ ซี.เค. คอสเมด จำกัด เรามีทีมนักวิทยาศาสตร์ ทีมนักวิจัย และเภสัชกร ที่มีประสบการณ์ อีกทั้งยังเชียวชาญระดับสูง ที่จะคอยควบคุมทุกขั้นตอนการผลิตอาหารเสริม ไม่ว่าจะเป็น แผนกวิจัยและพัฒนาฝ่ายอาหารเสริม แผนกวิจัยและพัฒนาสารสกัดสมุนไพร ตลอดจน ครีม เครื่องสำอาง ต่างๆ อีกทั้งทีมวิจัยและพัฒนาได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ พร้อมทดสอบและพัฒนาสูตรอาหารเสริมให้มีคุณภาพสูง พร้อมให้คำปรึกษา ดูแลช่วยเหลือ และปรับแต่งสูตรต่างๆ ตามความต้องการของเจ้าของแบรนด์อาหารเสริม และให้ข้อมูลต่างๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
หลังจากผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนาเรียบร้อย เรายังคำนึงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริม ครีม สบู่ ตลอดจนเครื่องสำอาง ทุกชนิด ด้วยการควบคุมคุณภาพภายใต้มาตรฐานการรับรองระดับโลก GMP HACCP HALAL ทั้งตรวจสอบความปลอดภัยของสารปนเปื้อนทุกชนิด เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยได้อย่าง 100%
ทุกผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่ว่าจะเป็น อาหารเสริม ครีม สบู่ เครื่องสำอาง ทุกชิ้นของบริษัท ได้ผ่านการควบคุมอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิต ด้วยทีมงานที่มีคุณภาพ รับรองคุณภาพและวิธีการผลิตตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด โดยยึดหลักความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด อีกทั้งยังควบคุมดูแล ทำความสะอาดเครื่องจักรในกระบวนการผลิตอยู่เป็นประจำ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต และผ่านการทดสอบจากห้องแลบมาตรฐานระดับสูง เพื่อเพิ่มความมั่นใจและความไว้วางใจ ในการนำผลิตภัณฑ์สู่ท้องตลาดไปสู่มือผู้บริโภค จากโรงงานของเรา
ท้ายที่สุด หลายๆ คนคงเห็นแล้วนะคะว่า กว่าจะได้ผลิตภัณฑ์ หรือ อาหารเสริม มาแต่ละตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สิ่งที่สำคัญมากๆ คือ เจ้าของแบรนด์ต้องพิจารณาเลือกทีมสร้างแบรนด์และโรงงานผลิตให้ดี เพราะหากมีขั้นตอนใดผิดพลาด ก็จะมีปัญหาตามมาได้เรื่อยๆ ค่ะ ทั้งนี้ ในเรื่องของเวลาดำเนินการการผลิตจำเป็นต้องใช้เวลา อย่างต่ำคือประมาณ 12-16 สัปดาห์ (ซึ่งนับจากขั้นตอนสั่งซื้อวัตถุดิบ) เจ้าของแบรนด์สามารถใช้เวลากับสินค้าของตนเองได้เต็มที่ เพื่อให้สินค้าออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุดค่ะ
บทความที่น่าสนใจ
สร้างจุดขายให้แบรนด์ กับ สารประกอบสุดฮิต ที่ตลาดต้องการ เพิ่มยอดขายหลายร้อยล้าน !!
ช่องทางการขายอาหารเสริม ขายยังไงให้ได้เงินล้าน !!
ลิปสติก ทำมาจากอะไร ? มาทำความรู้จัก สารสกัดในลิปสติก กันค่ะ