Haven't You Forgotten
Something?
Aenean vitae porta nisl, nec feugiat neque. Maecenas luctus magna eu elit dapibus, a porttitor lacus euismod.
[products limit="2" columns="2" on_sale="true"]
[products limit="2" columns="2" on_sale="true"]
วิตามินซี มีกี่ประเภท อาจเป็นคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัยและไม่เคยทราบมาก่อนว่าเจ้าวิตามินซีที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ นี้ แม้จะมีชื่อว่าวิตามินเหมือนกัน แต่แท้จริงแล้วมันมีหลายแบบหลายประเภทมาก ๆ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ถ้าหากกล่าวถึงวิตามินซีนั้น หลาย ๆ คนจะนึกถึงเหล่าผลไม้ชนิดต่าง ๆ เนื่องจากเป็นแหล่งวิตามินซีตามธรรมชาติ แต่ถ้าหากเป็นอาหารเสริมล่ะ ทุกคนจะนึกถึงมันในรูปแบบวิตามินอัดเม็ดแบบเดียวหรือไม่? อย่างไรก็ตามค่ะ ในบทความนี้ Charmace จะมานำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวกับวิตามินซีประเภทต่างๆ ว่าต่างกันอย่างไร และมีวิธีกินอย่างไรให้ปลอดภัยและถูกต้อง
เมื่อพูดถึงวิตามินบำรุงร่างกายที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ หรือวิตามินที่คนมักจะเลือกทานเสริมเป็นอันดับแรก ทุกคนจะต้องนึกถึง “วิตามินซี” อย่างแน่นอน เชื่อว่าทุกคนรู้จักและทราบถึงประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะการเพิ่มภูมิต้านทานและป้องกันโรคหวัด ที่สำคัญคือช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้ใบหน้าและผิวพรรณ แต่ยังมีหลายคนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิตามินซีแต่ละยี่ห้อว่าแตกต่างกันอย่างไร? เราจึงรวบรวมเรื่องที่ควรทราบก่อนซื้อวิตามินซีมาบอกกันค่ะ
วิตามินซี แบ่งเป็น 2 ประเภท ตามแหล่งที่มาของวิตามินซี
สังเคราะห์ได้จากกระบวนการทางเคมี ได้สาร Ascorbic Acid หรือวิตามินซี ซึ่งมีความเป็นกรด และสูญสลายได้ง่ายจากความร้อน อากาศ น้ำ
มาจากผลไม้ โดยอะเซโรล่า เชอร์รี่ (Acerola Cherry) จะเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูง จะได้สาร 2 ตัว คือ วิตามินซี และ ไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids)
วิตามินซีสูตรธรรมชาติ สามารถดูดซึมได้มากกว่า เนื่องจากมีไบโอฟลาโวนอยด์ช่วยเพิ่มการดูดซึมได้ถึง 35% และอยู่ในร่างกายได้นานถึง 5-6 ชั่วโมง ในขณะที่วิตามินแบบสังเคราะห์อยู่ในร่างกายเพียง 3-4 ชั่วโมง
เพียงแค่แหล่งที่มาต่างกัน ราคาก็ต่างกันไปเลยค่ะ ยี่ห้อไหนใช้สูตรที่มาจากธรรมชาติมักมีราคาสูงกว่า และสังเกตได้โดยง่าย ผู้ผลิตมักจะใส่รูปผลอะเซโรล่า เชอร์รี่ เอาไว้ที่ขวด ถ้าเห็นลองพลิกดูที่ฉลากค่ะ ว่ามี Acerola Cherry (วิตามินจากธรรมชาติ) กี่มิลลิกรัม/เม็ด หรือมีส่วนประกอบใด ๆ บ้างในเม็ด
นอกจากประเภทตามแหล่งที่มาแล้ว ในร้านยายังมีวิตามินซีอีกหลายหลายประเภทให้ผู้บริโภคเลือก ขอยกตัวอย่างดังนี้
วิตามินซีประเภทนี้โดยทั่วไปมีขนาดตั้งแต่ 25 – 1,000 มิลลิกรัม แต่ขนาดยอดนิยมทั่วไปคือ 500 และ 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งหากเป็นไปได้ควรเลือกทานที่ระบุว่าเป็นแบบ Buffered, Sustained Release หรือ Slow Release เพราะตัววิตามินซีจะค่อย ๆ ปล่อยจากเม็ดยาช้า ๆ ทำให้วิตามินซีออกฤทธิ์ได้นานขึ้น อีกทั้งช่วยให้ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร แต่ระดับวิตามินซีในกระแสเลือดที่ได้รับนั้นไม่แตกต่างจากรูปแบบเม็ดทั่วไปที่ปล่อยวิตามินซีแบบทันที
มีตั้งแต่ 25 – 500 มิลลิกรัม เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบกลืนเป็นเม็ด แต่พึงระลึกไว้เสมอว่า การอมวิตามินซีแบบเม็ดบ่อย ๆ กรดที่ออกมาจะทำให้ผิวเคลือบฟันบางจนฟันกร่อนได้
โดยปกติมีขนาด 30 มิลลิกรัม เหมาะกับเด็ก เพราะมีรสหวานชวนทาน แต่ต้องระวังไว้ว่า ด้วยน้ำตาลที่มีปริมาณสูงอาจส่งผลให้เกิดฟันผุได้เมื่อรับประทานเป็นประจำ
มักมาในขนาด 500 และ 1,000 มิลลิกรัม วิธีการทานที่ถูกต้องควรนำไปละลายในน้ำจนฟองหมด เพราะฟองแก๊สที่เกิดขึ้นเมื่อรับประทานเข้าไปอาจเกิดอาการแน่นท้องในภายหลังได้ วิตามินซีชนิดนี้เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถกลืนยาเม็ดขนาดใหญ่ได้ ข้อดีคือเหมาะกับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องการดูดซึม
มีทั้งแบบแคปซูลแข็งและแคปซูลนิ่ม แต่ละแคปซูลมีขนาด 500 มิลลิกรัม ข้อดีคือกลืนง่ายสบายคอกว่าวิตามินซีรูปแบบอัดเม็ดแบบสารละลายเพื่อฉีด ซึ่งขนาดจะอยู่ที่ 500 มิลลิกรัม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีด ข้อดีก็คือ ออกฤทธิ์เร็วและร่างกายสามารถเอาวิตามินซีไปบำรุงซ่อมแซมได้ทันที เพราะไม่ต้องผ่านการย่อยจากกระเพาะอาหาร
สำหรับการทานวิตามินซีให้ผิวสวย เสริมสร้างคอลลาเจนให้แข็งแรง ผิวขาวใสเปล่งปลั่ง โดยทั่วไปต้องทานวิตามินซีในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวันขึ้นไป ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่าการป้องกันโรคหวัด และควรต้องเป็นวิตามินซีที่สกัดจากธรรมชาติ ซึ่งหากเป็นการรับวิตามินซีปริมาณสูง จะให้ดีควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวพรรณหรือชะลอวัยเพื่อรับคำแนะนำในการรับปริมาณวิตามินซีที่เหมาะกับร่างกายจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าค่ะ
บทความที่น่าสนใจ
อาหารเสริม วิตามิน หมดอายุยังกินได้อยู่ไหม มีคำตอบ